วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

น้ำพริกกะปิ

วิธีทำน้ำพริกกะปิ

ส่วนผสม
  กะปิดีเผา                 3 ช้อนโต๊ะ                           
  กุ้งแห้งป่น                2 ช้อนโต๊ะ
  กระเทียมหั่น             1 ช้อนโต๊ะ
  พริกขี้หนูหั่น             1 ช้อนชา
  ระกำซอย                1 ช้อนโต๊ะ
  มะอึกหั่นฝอย           1 ช้อนโต๊ะ
  น้ำมะนาว                2 ช้อนโต๊ะ
  น้ำตาลมะพร้าว         3 ช้อนโต๊ะ
  น้ำปลา                   3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
   1.โขลกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู ระกำ มะอึก โขลกพอเข้ากันดีแล้ว ปรุงรสด้วย น้ำมะนา น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว
   2.รับประทานกับผักต้มกะทิ เช่น มะเขือเปราะ มะเขือยาวเผา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ชะอม และหยอดหน้าด้วยกะทิ หรือผักสดต่างๆ เช่นมะเขือนานาชนิด แตงกวา ผักบุ้ง ยอดกระถิน ชะอมชุบไข่ทอด มะเขือยาวชุบไข่ทอด ปลาทูทอด ฯลฯ
Tips
  * ถ้าเป็นน้ำพริกมะดัน ให้เปลี่ยนะนาวเป็นมะดัน
  * ถ้าเป็นน้ำพริกมะขามสด ให้เปลี่ยนมะนาวเป็นมะขามอ่อน
  * ถ้าเป็นน้ำพริกมะม่วง ใ้ห้เปลี่ยนมะนาวเป็นมะม่วง
  * น้ำพริกเหล่านี้นิยมรับประทานกับเครื่องเค็ม เช่น ปลาสลิดเค็มทอด เป็นต้น

น้ำพริกลงเรือ

น้ำพริกลงเรือ สูตรโบราณ
     ทำไมถึงเรียกน้ำพริกลงเรือเพราะ ว่าเมื่อท่านเจ้าจอมท่านทำครั้งแรกนั้นเกิดเหตุจากความบังเอิญพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เล็กๆทรงเล่นอยู่ในเรือ เข้าใจว่าในวังดุสิต บางเล่มว่าล่องเรือที่บางปะอิน ไม่คอนเฟิร์มนะแต่ว่าทรงเล่นกันจนเย็นย่ำอยากเสวยมื้อเย็นในเรือ ท่าน เจ้าจอมสดับท่านเลยเข้าไปท้ายเรือค้นหาของที่มีติดอยู่ในเรือว่ามีอะไรบ้าง ( เข้าใจว่าเป็นเรือห้องเครื่องนะคะ ) ค้นเจอหมูหวาน ปลาฟูและน้ำพริกอะไรต่างๆก็เอามาผสมผสานรวมกัน ปรากฏว่าอร่อยมาก พระเจ้าลูกเธอก็โปรดเสวย ทรงเรียกกันว่าน้ำพริกลงเรือกันเรื่อยมา

เครื่องปรุง
1.กะปิ 100 กรัม
2.กระเทียม 80 กรัม
3.กุ้งแห้ง 50 กรัม
4.น้ำตาลปี๊ป 4 ช้อนโต๊ะ
5.มะเขือพวง 25 เม็ด
6.พริกขี้หนู 25-30 เม็ด
7.กระเทียมดอง 2 หัว
8.หมูหวาน 1 ถ้วย
9.ปลาดุกฟูหรือปลากรอบ 1 ถ้วย
10.น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ
11.ไข่แดงของไข่เค็ม 5 ลูก
12.มะอึก 8 ลูก
ขั้นตอนและกระบวนการทำ
  1. นำ “กะปิ”ไปห่อใบตองและนำไปย่างให้หอม ใช้ไฟเบา
  2. นำ “กุ้งแห้ง”ไปล้างนำหลายๆรอบพักทิ้งไว้
  3. นำ “มะอึก”มาล้างน้ำและขัดขนออกให้หมดแล้วซอยทิ้งไว้
  4. นำ “ไข่เค็ม”มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาด1x1 เซนติเมตรและปั้นให้เป็นลูกกลมๆๆ
  5. นำกระเทียมมาโคลกพอแหลกแล้วนำ
  6. นำกะปิที่ย่างแล้วมาใส่โคลกร่วมกันจนแหลกเข้ากันจึงใส่ “กุ้งแห้ง”ลงไปโคลกพอแหลก แล้วใส่น้ำตาลปี๊ปลงไปโคลกผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  7. นำ “มะเขือพวง พริกขี้หนูและมะอึก”ลงไป ปุบในครกเสร็จแล้วตักใส่ชามผสม
  8. นำ “หมูวาน ปลาดุกฟู ไข่เค็มครึ่งหนึ่งของที่เตรียมไว้ กระเทียมดองแกะเหลือแต่กลีบ”ใส่ลงไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  9. ปรุงรสด้วยมาน้ำเป็นอย่างสุดท้าย ผสมผสานให้เข้ากัน
  10. ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยไข่แดงเค็มเป็นกุ้งแห้ง รับประทานคู้กับผักสด อาทิ แตงกวา สายบัว มะเขือเปราะ ขมิ้นขาว หน่อไม้ เป็นต้น

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อาหารประเภทต่างๆ

          อาหารประเภมต้มยำ
                         ต้มยำ คือ อาหารที่ประกอบไปด้อวเื้อสัตว์ ผัก น้ำเปล่่าหรือน้ำซุบ ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย
                         1.เนื้อสัตว์ ได้แก่ กุ้ง ไก่หมู ขาหมู หอยแมลงภู่ ปลาหม฿ก ปลาช่อน ปลากะพง ปลากรอบ ฯลฯ     
                         2.ผัก ผักที่สำคัญที่สามารถบอกได้ว่าเป็นต้มยำ คือ ตะไคร้ ใขมะกรูด ข่า ส่วนผักอื่นๆ ได้แก่ เห็ดฟาง เห็ดโคน กะหล่ำปลี
                         3.เครื่องปรงรส น้ำมะนาว มะดัน หรือตะลิงปลิง น้ำปลา
          
        ต้มยำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
                        1.ต้มยำประเภทที่ไม่ใส่กะทิ เช่น ต้มยำกุ้ง ต้มยำไก่ ต้มยำปลาทูน่า ต้มยำหมู
ต้มยำปลา ต้มยำขาหมู ต้มยำปลากรอบ
                        2.ต้มยำประเภทที่ใส่กระทิ เช่น ไก่ต้มข่า ต้มยำหัวปลีกับไก่